เล่น บาคาร่าออนไลน์ แบบมีค่าคอม หรือไม่มีค่าคอม แบบไหนดีกว่ากัน
เล่น บาคาร่าออนไลน์ แบบมีค่าคอม หรือไม่มีค่าคอม แบบไหนดีกว่ากัน
- by jamal
เล่น บาคาร่าออนไลน์ แบบมีค่าคอม หรือไม่มีค่าคอม แบบไหนดีกว่ากัน
บาคาร่าออนไลน์ มีทั้งแบบมีค่าคอม และแบบไม่มีค่าคอม ดูแล้วยังไงเล่นแบบไม่มีค่าคอมก็ได้เงินเยอะกว่าทำไมยังต้องมีแบบมีค่าคอมมาให้เลือกเล่นอีกล่ะ ใครจะอยากได้เงินที่น้อยกว่า ถูกต้องไหม?
แต่อย่างไรก็ตาม บาคาร่าออนไลน์มีรูปแบบให้เลือกเล่นอยู่สองแบบหลัก ๆ ได้แก่ บาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่น และ บาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่ารูปแบบไหนดีกว่ากัน และแบบไหนเหมาะกับสไตล์การเล่นของตนเอง ที่สำคัญอย่าลืมเล่นกับเว็บพนันถูกกฎหมาย ถ้าไม่อยากถูกโกงระหว่างเล่น
.
.
อ่านต่อ
บาคาร่าออนไลน์ แบบมีค่าคอมมิชชั่น คืออะไร?
บาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่น (Commission Baccarat) เป็นรูปแบบดั้งเดิมของเกมบาคาร่า ซึ่งเป็นที่นิยมในคาสิโนทั่วไปและคาสิโนออนไลน์ มีกฎพื้นฐานดังนี้:
- ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้ทั้งฝั่ง ผู้เล่น (Player) และ เจ้ามือ (Banker)
- หากเดิมพันฝั่ง ผู้เล่นชนะ จะได้รับเงินเต็มจำนวนที่อัตรา 1:1 (แทง 100 ได้ 100)
- หากเดิมพันฝั่ง เจ้ามือชนะ จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 5% ของเงินรางวัล ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแทงฝั่งเจ้ามือ 100 บาท แล้วชนะ คุณจะได้กำไรเพียง 95 บาท (หักค่าคอมมิชชั่น 5 บาท)
- หากผลออก เสมอ (Tie) แล้วคุณไม่ได้เดิมพันที่เสมอ คุณจะได้เงินคืนเต็มจำนวน
ข้อดีของบาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่น
อัตราต่อรองที่ดีกว่าในระยะยาว – เนื่องจากอัตราการชนะของฝั่งเจ้ามือสูงกว่า ทำให้ถึงแม้จะมีค่าคอมมิชชั่น แต่ก็ยังมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฝั่งผู้เล่น เป็นกติกามาตรฐานสากล – นักพนันมืออาชีพส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับรูปแบบนี้มากกว่า เหมาะกับกลยุทธ์บางประเภท – เช่น การเดิมพันฝั่งเจ้ามือเป็นหลัก เพราะแม้จะเสียค่าคอมมิชชั่น แต่โดยสถิติแล้ว โอกาสชนะของฝั่งเจ้ามืออยู่ที่ประมาณ 50.68% ในขณะที่ฝั่งผู้เล่นมีโอกาสชนะประมาณ 49.32%
ข้อเสียของบาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่น
เสียค่าคอมมิชชั่น 5% ทุกครั้งที่แทงเจ้ามือแล้วชนะ ทำให้กำไรต่อรอบลดลง ต้องคำนวณกำไรให้ดี เพราะการหักค่าคอมมิชชั่นอาจทำให้การจัดการเงินทุนยุ่งยากขึ้น
บาคาร่าออนไลน์ แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น คืออะไร?
บาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น (No Commission Baccarat) เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เพราะไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่นจากฝั่งเจ้ามือ อย่างไรก็ตาม มีกฎเพิ่มเติมเพื่อปรับสมดุลของเกม ดังนี้:
- หากเดิมพันฝั่งผู้เล่นชนะ จะได้รับเงินเต็มจำนวนที่อัตรา 1:1 เช่นเดียวกับบาคาร่าแบบมีค่าคอม
- หากเดิมพันฝั่งเจ้ามือชนะ ปกติแล้วจะได้รับเงินเต็มจำนวนที่อัตรา 1:1 เช่นกัน ยกเว้นกรณีที่เจ้ามือชนะด้วยแต้ม 6 ซึ่งในกรณีนี้ผู้ที่เดิมพันฝั่งเจ้ามือจะได้รับเงินเพียง 0.5:1 (แทง 100 ได้กำไรเพียง 50)
ข้อดีและข้อเสียของ บาคาร่า ไม่มีค่าคอม
ข้อดีของบาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น
ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 5% ทำให้คำนวณกำไรได้ง่ายขึ้น หมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบเดิมพันฝั่งเจ้ามือบ่อย ๆ เพราะได้เงินเต็มจำนวนในกรณีที่เจ้ามือชนะ (ยกเว้นเมื่อชนะด้วยแต้ม 6) เล่นง่าย เข้าใจง่าย เหมาะกับผู้เล่นมือใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการคำนวณผลตอบแทน
ข้อเสียของบาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น
กรณีที่เจ้ามือชนะด้วยแต้ม 6 ได้กำไรเพียงครึ่งเดียว ทำให้เสียเปรียบในบางสถานการณ์ อัตราความได้เปรียบของเจ้ามืออาจถูกปรับให้สูงขึ้น เพื่อชดเชยการไม่เก็บค่าคอมมิชชั่น ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้ผู้เล่นเสียเปรียบ
ถ้าห้องไหนมีซุปเปอร์ 6 หรือเจ้ามือชนะด้วย 6 แต้มบ่อยๆเงินรางวัลจะถูกลดลงครึ่งนึงทันทีทำให้เสียเงินเยอะกว่าการกดแบบมีค่าคอมมิชชั่นแน่นอน
แบบไหนดีกว่ากัน?
ขึ้นอยู่กับ สไตล์การเล่น และ กลยุทธ์ของแต่ละคน
- หากคุณเป็นนักพนันที่เน้นเดิมพันฝั่งเจ้ามือเป็นหลัก – บาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว เพราะอัตราการชนะของเจ้ามือยังคงสูงกว่าแม้จะมีค่าคอมมิชชั่น
- หากคุณเป็นผู้เล่นมือใหม่ – บาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นอาจเหมาะกว่า เพราะไม่ต้องคำนวณค่าคอมมิชชั่นให้ยุ่งยาก
- หากคุณต้องการความสะดวกและไม่อยากเสียค่าคอม – บาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
- หากคุณเล่นเพื่อทำกำไรในระยะยาว – บาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่นมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
สรุป
การเลือกเล่นบาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่นหรือไม่มีค่าคอมมิชชั่นนั้นขึ้นอยู่กับความชอบและกลยุทธ์ของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการความโปร่งใสและเข้าใจง่าย บาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณต้องการอัตราต่อรองที่ดีกว่าและมีโอกาสชนะในระยะยาว บาคาร่าแบบมีค่าคอมมิชชั่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญคือการเล่นอย่างมีสติและบริหารเงินทุนให้เหมาะสม